กำเนิดของภาษา
หากเราทุกคนมีพ่อและแม่ให้กำเนิดเกิดมา อย่าเพิ่งๆ อย่าเพิ่งเรสประเด็นเรื่อง เด็กหลอดแก้ว หรือ โคลนนิ่งอะไรเทือกนั้น คือนนีคิดสงสัยว่า หมานุดอย่างเรามีพ่อและแม่เป็นผู้ให้กำเนิด แล้วภาษาหละ ภาษามีใครเป็นพ่อแม่ ใคร อะไร ยังไง ทำไม อย่างไร เมื่อไร นี่คือ wh questions มาเต็ม ภาษามาจากไหนน้อออ ที่นี้ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ เรื่องภาษาในปริบทสังคมและวัฒนธรรม ชอง ม.ล.จรัสวิไล จรูญโรจน์ เจอในบทที่ 2 เรื่องวงจรชีวิตของภาษา : กำเนิด นี่นนีก็ดีใจมากว่าจะได้คำตอบของคำถามที่สงสัย ว่า ภาษาเกิดมาจากไหน หรือชะรอยจะเป็นลูกกำพร้า แล้วพ่อแม่เป็นใคร อะไรยังไง ตามที่ได้อ่านเนื้อหาในบทนี้ ก็ได้รู้ว่า ยังเถียงกันอยู่เลยจร้าาาา สงสัยจะเป็น present perfect continuous แบบว่า เถียงกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีระยะเวลาและยังคงเถียงกันอยู่ ก็สันนิษฐานกันไปตามหลักฐานต่างๆ แต่ในหนังสือก็สรุปแนวคิดของการเกิดของภาษาไว้ให้บางแนว นนีก็เลยเหมือนได้ปฐมพยาบาลรักษาอาการแผลอยากรู้อยากเห็นว่า ภาษากำเนิดเกิดมาได้อย่างไร
คือมีแนวคิดว่าภาษาที่เราใช้ๆอยู่กันนนี่ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาฝรั่งเศส คือทั้งหมดทั้งมวลทั้งสิ้นทั้งปวงนี่จัดว่าเป็นภาษาธรรมชาตินาจา อะไรนะ! ฮะว์! ภาษาธรรมชาติ คือเค้าหมายถึงภาษาที่เกิดขึ้นมาเอง ไม่ได้มีใครตั้งใจจงใจประดิษฐ์ขึ้นมา โหววววว นี่เป็นพวกสาหร่ายสไปรูลิน่าป่าวนี้ คือในใจนี่ ค้านสุดๆ ค้านฝุดๆ ทำไมถึงบอกว่า เป็นภาษาะรรมชาติ อย่างภาษาไทย นี่ไม่ได้มีใครประดิษบ์ขึ้นมาเหรอ ต้องมีสิ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรไทยในปี 1826 ปรับมาจากอักษรขอมหวัดอีกที นนีคิดว่า อักษรขอมหวัดก็ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรอก ต้องมีคนประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อเป้นข้อตกลงไว้ใช้สื่อสารให้เข้าใจร่วมกันในกลุ่มคนนั้นๆ เพียงแต่ว่าเราต้องสืบสายปลายเหตุเหมือนไล่ประวัติ family tree ขึนไป แต่ว่านะอย่างตัวเรา เรารู้จัก พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย คุณทวด คือไล่ขึ้นไป พอมากๆเข้า ถ้าไม่มีประวัติก็ไม่รู้เสียแล้ว ว่าทวดของทวดของทวดของทวดของทวด เป็นใครอะไรยังไง ถ้ามีหลักฐานก็โอเค แต่นี่ไม่มีหลักฐาน หรือมีน้อย ไม่เพียงพอ เลยสรุปอย่างนี้ไปก่อนตามแนวทาง ว่า ภาษาธรรมชาติ อาจเกิดจาก 1. แนวคิดทางศาสนา 2. แนวคิดโบราณ 3. แนวคิดวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบัน
สรุปแว้ เอ้ย สรุปว่า ภาษานั้นเกิดเองตามธรรมชาติ (เอาตามนี้ไปก่อนนะ) ภาษาปะกิดเรียกว่า natual language หามีผู้ใดกลุ่มใดตั้งใจจะประดิษฐ์ขึ้นมาไม่ และได้เสนอแนวคิดไว้ 3 แนวข้างข้างต้น
คราวหน้าจะมาเม้าท์เรื่องการกำเนิดภาษากับแนวคิดทางศาสนากันนาจา ไปก่อนนะ บัยบัย
คือมีแนวคิดว่าภาษาที่เราใช้ๆอยู่กันนนี่ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาฝรั่งเศส คือทั้งหมดทั้งมวลทั้งสิ้นทั้งปวงนี่จัดว่าเป็นภาษาธรรมชาตินาจา อะไรนะ! ฮะว์! ภาษาธรรมชาติ คือเค้าหมายถึงภาษาที่เกิดขึ้นมาเอง ไม่ได้มีใครตั้งใจจงใจประดิษฐ์ขึ้นมา โหววววว นี่เป็นพวกสาหร่ายสไปรูลิน่าป่าวนี้ คือในใจนี่ ค้านสุดๆ ค้านฝุดๆ ทำไมถึงบอกว่า เป็นภาษาะรรมชาติ อย่างภาษาไทย นี่ไม่ได้มีใครประดิษบ์ขึ้นมาเหรอ ต้องมีสิ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรไทยในปี 1826 ปรับมาจากอักษรขอมหวัดอีกที นนีคิดว่า อักษรขอมหวัดก็ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรอก ต้องมีคนประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อเป้นข้อตกลงไว้ใช้สื่อสารให้เข้าใจร่วมกันในกลุ่มคนนั้นๆ เพียงแต่ว่าเราต้องสืบสายปลายเหตุเหมือนไล่ประวัติ family tree ขึนไป แต่ว่านะอย่างตัวเรา เรารู้จัก พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย คุณทวด คือไล่ขึ้นไป พอมากๆเข้า ถ้าไม่มีประวัติก็ไม่รู้เสียแล้ว ว่าทวดของทวดของทวดของทวดของทวด เป็นใครอะไรยังไง ถ้ามีหลักฐานก็โอเค แต่นี่ไม่มีหลักฐาน หรือมีน้อย ไม่เพียงพอ เลยสรุปอย่างนี้ไปก่อนตามแนวทาง ว่า ภาษาธรรมชาติ อาจเกิดจาก 1. แนวคิดทางศาสนา 2. แนวคิดโบราณ 3. แนวคิดวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบัน
สรุปแว้ เอ้ย สรุปว่า ภาษานั้นเกิดเองตามธรรมชาติ (เอาตามนี้ไปก่อนนะ) ภาษาปะกิดเรียกว่า natual language หามีผู้ใดกลุ่มใดตั้งใจจะประดิษฐ์ขึ้นมาไม่ และได้เสนอแนวคิดไว้ 3 แนวข้างข้างต้น
คราวหน้าจะมาเม้าท์เรื่องการกำเนิดภาษากับแนวคิดทางศาสนากันนาจา ไปก่อนนะ บัยบัย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น